คุณค่าทางคติชนวิทยา
คติชนวิทยา คือ
เรื่องราวที่บอกถึงความเชื่อ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และกลุ่มชน
ในนิราศเมืองแกลงมีอยู่หลายตอนดังนี้
1.โอ้ธานีศรีอยุธยาเอ๋ย นึกจะเชยก็ได้ชมสมประสงค์
และคิดถึงน้องหมองใจอาลัยลาญ แม้นแจ้งการว่าพี่จากอยุธยา บทกลอนสองคำนี้ชี้ว่า
คนไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นยังคงเรียกเมืองหลวงของตนว่า อยุธยา
คำว่าอยุธยาที่นี้หมายถึงกรุงเทพฯ นั้นเอง
2.การเสพกัญชา ยาฝิ่นในสมัยนั้น เป็นเรื่องไม่ผิดกฎหมาย
นายแสงที่อาสานำทางให้สุนทรภู่นั้นเป็นคนติดกัญชา สุนทรภู่เขียนไว้หลายแห่งได้แก่
-สงสารแสงแสนสุดเมื่อหยุดพัก
เฝ้านั่งชักกัญชากับตาสัง
- ทำซมเซอะเคอะคะมาปะเขา
แต่โดยเมากัญชาจนตาขวาง
- เห็นนายแสงเป็นผู้ใหญ่ก็ใจหาย
นังพยุงตุ้งก่านัยน์ตาลาย
เห็นวุ่นวายสับสนก็ลนลาน
- นายแสงหายคลายโทโสที่โกรธา
ชัญกัญชานั่งกริ่มยิ้มละไม
3.วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน สุนทรภู่เป็นชาววังมาตั้งแต่เกิด
มีความละเอียดละเมียดละไม ประณีตไปนความเป็นอยู่ไปทุก ๆ
อย่างจึงมองชีวิตชาวบ้านเป็นอีกระดับหนึ่งและวางตนเหนือชาวบ้าน
ซึ่งจะไปกล่าวหาว่าท่านเป็นคนไม่ติดดินก็ไม่ถูกนัก
เพราะตลอดชีวิตท่านคลุกคลีอยู่กับชาววัง ท่านจึงรับไม่ได้กับอาหารการกิน
ความเป็นอยู่ คำพูด คำจา ผู้หญิง ธรรมชาติ สภาพแวดล้อม สภาพบ้านเมือง และแม้แต่การประกอบการงาน
ท่านก็เห็นเป็นของแปลก จะว่าท่านดูถูกชาวบ้านก็ไม่เชิงนัก
แต่ดูเหมือนท่านจะเห็นว่าเป็นคนละพวกกับท่านมากกว่า
พอจะวิเคราะห์เป็นประเด็นได้ดังนี้
3.1 การกิน ท่านกล่าวถึงอาหารการกินไว้ในบทนิราศนี้หลายตอนได้แก่
- เขาหุงหาอาหารให้ตามจน
โอ้ยามยลโภชนาน้ำตาคลอ
จะกลืนข้าวคราวโศกในทรวงเสียว
เหมือนขืนเคี้ยวกรวดแกลบให้แสบคอ
ต้องเจือน้ำกล้ำกลืนพอกลั้วคอ
กินแต่พอดับลมด้วยตรมใจ
-จะเคี้ยวข้าวตะละคำเอาน้ำเจือ
พอกลั้วเกลื้อกล้ำกลืนค่อยชื่นใจ
-พอเวลาสายัณห์ตะวันชาย
ได้กระต่ายตะกวดกวางมาย่างแกง
ทั้งแย้บึ้งอึ่งอ่างเนื้อค่างคั่ว
เขาทำครัวครั้นไปปะขยะแขยง
ต้องอดสิ้นกินแต่ข้าวกับเต้าแตง
-อยู่บุรินกินสำราญทั้งหวานเปรี้ยว
ตั้งแต่เที่ยวยากไร้มาไพรศรี
แต่น้ำตาลมิได้พานในนาภี
ปัถวีวาโยก็หย่อนลง
3.2 ความเป็นอยู่
ชะรอยในวังนั้นคงไม่ค่อยได้ประกอบอาชีพทำมาหากินอะไรเป็นล่ำเป็นสัน
จึงมองเห็นว่าคนที่ทำการต่างๆ นั้นลำบากลำบน เช่น
- แล้วไปชมกรมการบ้านดอนเด็จ
ล้วนเลี้ยงเป็ดหมูเนื้อดูเหลือเข็ญ
ยกกระบัตรคัดช้อนทุกเช้าเย็น
เมียที่เป็นท่านผู้หญิงนั่งปิ้งปลา
การประกอบการงานที่กล่าวถึงนั้นน่าสนใจ
ได้แก่ ถีบกระดานเก็บหอย ดังบทกลอนว่า
- อันนารีที่ยังสาวพวกชาวบ้าน
ถีบกระดานถือตะกร้าเที่ยวหาหอย
ดูแคล่วคล่องคล่องแล่นแฉลบลอย
เอาขาห้อยทำเป็นหางไปกลางเลน
อันพวกเขาชาวประโมงไม่โหย่งหยิบ
ล้วนตีนถีบปากกัดขัดเขมร
จะได้กินข้าวเช้าก็ราวเพล
ดูจัดเจนโลดโผนในโคลนตม
ทำน้ำปลา ชาวบ้านจะทำน้ำปลา
หน้าปลาชุมตักปลาขึ้นมาได้ทีละถัง ๆ เอาใส่โอ่งเอาเกลือหมักทิ้งไว้ทำน้ำปลา
กลิ่นรุนแรงมาก จึงมักชุมนุมทำกันในที่ ๆ ห่างบ้าน บทกลอนว่า
-ถึงปากช่องคลองกรุ่นเห็นคลองกว้าง
มีโรงร้างเรียงรายชายพฤกษา
เป็นชุมรุมหน้านำเขาทำปลา
ไม่รอรารีบเดินดำเนินพลาง
งานสานสื่อ
-ถึงบ้านแกลงลัดบ้านไปย่านกลาง
เป็นฝูงนางสารเสื่อนั้นเหลือใจ
แต่ปากพลอดมือสอดขยุกขยิก
จนมือหงิกงอแงไม่แบได้
เป็นส่วยบ้านสานส่งเข้ากรุงไกร
เด็กผู้ใหญ่ทำเป็นไม่เว้นคน
3.3 รูปลักษณ์ของชาวบ้านในสายตาของสุนทรภู่ ชาวบ้านดูไม่ดีเลย เช่นการพูด
-ถามราคาพร้าขวานจะวานซื้อ
ล้วนอออือเอ็งกะกูกะหนูกะหนี
ทีคะขาคำหวานนานนานมี
เป็นว่าขี้คร้านฟังแต่ซังตาย
-เห็นสาวสาวชาวไร่เขาไถที่
บ้างพาทีอือเออเสียงเหนอหนอ
แลขี้ไคลใส่ตาบเป็นคราบคอ
ผ้าห่มห่อหมากแห้งตาแบงมาน
สุนทรภู่ไม่เคยมองว่าสาวชาวบ้านสวยงามเลย
เพราะรสนิยมของท่านคือชาววัง เช่น
-ดูรูปร่างนางบรรดาแม่ค้าเคียง
เห็นเกลี้ยงเกลี้ยงกล้องแกล้งเป็นอย่างทาง
-นางชาวนาก็ไม่น่าจะชื่นใจ
คราบขี้ไคลคร่ำคร่าดังทาคราม
อันนางในนคราถึงทาสี
ดีกว่านางทั้งนี้สักสองสาม
-ดูหนุ่มสาวชาวบ้านรำคาญจิต
ไม่น่าคิดเข้าในกลอนอักษรสนอง
ล้วนวงศ์วานว่านเครือเป็นเชื้อชอง
ไม่เหมือนน้องนึกน่าน้ำตากระเด็น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น