วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เส้นทางการเดินทางตามที่แต่งไว้เรียงลำดับ


       เส้นทางการเดินทางตามที่แต่งไว้เรียงลำดับดังนี้
            ออกเดินทางทางเรือโดยเรือประทุมแจว มีศิษย์แจวสองคน โดยออกจากวัดแจ้ง (วัดอรุณราชวราราม) เวลาสองยาม เป็นคืนพระจันทร์เดือนหงายกระจ่างอยู่กลางท้องฟ้า ล่องไปตามลำน้ำผ่านสามปลื้ม สําเพ็ง ดาวคะนอง วัดดอกไม้ บางผึ้งปลากลัด บางระจ้าว พระประแดง เข้าคลองสำโรง ทับนาง บางพลี ที่บางพลีนี้ดูจะเป็นชุมชนที่เจริญมีผู้คนหนาแน่นพอสมควร


                        - ดูเรือแพอัดอยู่ยัดเยียด
            เขาเบียดเสียดแทรกกันสนั่นเสียง
            แจวตะกูดเกะกะปะกระเชียง
            บ้างทุ่มเถียงโดนดุนกันวุ่นวาย


             มาถึงบางโฉลง ต. หัวป่า บ้านไร่ คลองขวางบางกระเทียม จากข้อความช่วงนี้ทำให้ผู้อ่านใน พ.ศ. นี้ จินตนาการได้ถึงสภาพภูมิประเทศสมัยนั้นได้ว่าอุดมด้วยธรรมชาติอย่างแท้จริง


                        - จะเหลียวซ้ายและขวาก็ป่าแสม
            ตะลึงแลปูเปี้ยวเที่ยวไสว
            ระหริ่งเรื่อยเฉื่อยเสียงเรไรไพร
            ฤทัยไหวแว่วว่าพะงางาม
            ถึงชะแวกแยดคลองสองชะวาก
            สองฝั่งฟากหัวตะเข้มีมะขาม
                        ฯลฯ

            ตะลึงแลแต่ล้วนลูกจระเข้
            โดยคะเนมากมายทั้งซ้ายขวา
            ซักสองร้อยลอยไล่กินลูกปลา
            เห็นแต่ตากับจมูกเหมือนตุ๊กแก


          ที่คลองขวางนี้เองสุนทรภู่อ้างคำพังเพยโบราณว่า "จองหองพองขน" นี้มาจากอาการของลิง


                        - คำโบราณท่านผูกถูกทุกสิ่ง
            เขาว่าลิงจอมหองมันพองขน
            ทำหลุกหลิกเหลือกลานพานลุกลน
            เขาด่าคนจึงว่าลิงโลนลำพอง


            ผ่านคลองปากตะครอง คลองบางเหี้ย แล้วหยุดพักรับประทานอาหารพอหายเหนื่อยและพระจันทร์ขึ้นสว่างดีแล้ว เดินทางต่อไปถึง บางบ่อ บ้านระกาด บางสมัคร บ้านมะพร้าว บางวัว บ้านบางมังกร
บางปะกง ปัจจุบัน ) เขาสำมุก ( สามมุก ) แวะพักค้างคืนที่นี่ ที่นี่เป็นชุมชนชาวประมงที่ใหญ่โต ประชาชนทำมาหากินขยันขันแข็งจนร่ำรวยเป็นส่วนใหญ่แต่สุนทรภู่กลับแสดงทัศนะไว้ว่า


                        - จึงมั่งคั่งตั้งบ้านในการบาป
            แต่ต้องสาปเคหาให้สาสม
            จะปลูกเรือนก็มิได้ใส่ปั้นลม


            และได้พรรณนาบ้านเมือง ตลาดร้านค้าไว้ดังนี้


                        - เที่ยวชำเลืองแลชมตลาดเรียง
            เป็นสองแถวแนวถนนคนสะพรั่ง
            บางยืนบางนั่งร้านประสานเสียง
            ดูรูปร่างนางบรรดาแม่ค้าเคียง
            เห็นเกลี้ยงเกลี้ยงกล้องแกล้งเป็นอย่างกลาง
            หายคอยแครงแมงภู่กับปูม้า
            หมึกแมงดาหอยดองรองกระถาง
            พวกเจ็กจีนสินค้าเอามาวาง
            มะเขือคางแพะเผือกผักกาดดอง
            ที่ขายผ้าหน้าถังก็เปิดโถง
            ล้วนเบี้ยโป่งหญิงชายมาขายของ
            สักยี่สิบหยิบออกเป็นกอบกอง
            พี่เที่ยวท่องทัศนาจนสายัณห์


            เมื่อเสร็จภารกิจที่รับคำสั่งมาจากเจ้านายแล้วสุนทรภู่ก็ออกเดินทางทางบกโดยเดินไปถึงหนองมน บ้านไร่ และบางพระ ที่นี่สุนทรภู่มีเพื่อนชื่อในมือ พักค้างคืนหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นเดินเลียบชายหาดไปถึงศรีมหาราชา ( ศรีราชา ) แล้วเดินลัดเข้าดงไปผ่านเขาขวาง บางทีชาวบ้านเรียกทุ่งสงขลา มาถึงบางละมุง ซึ่งเป็นเมืองมีผู้คนอยู่หนาแน่น ที่นี่เป็นที่กรมการเมือง สุนทรภู่พูดถึงแมงดาไว้หน้าคิดดังนี้



                         ในกระแสแลล้วนแต่โป๊ะล้อม
            ลงอวนอ้อมโอบสกัดเอามัจฉา
            โอ้คิดเห็นเอ็นดู*หมู่แมงดา
            ตัวเมียพาผัวลอยเที่ยวเล็มไคล
            เขาจับตัวผัวทิ้งไว้กลางน้ำ
            ระลอกซ้ำสาดซัดให้ตัดษัย

           พอเมียตายฝ่ายผัวก็บรรลัย
          โอ้เหมือนใจที่พี่รักภัคินี
           แม้น้องตายที่จะวายชีวิตด้วย
          เป็นเพื่อนม้วยมิ้งแม่ไปเมืองผี


                แล้วไปพักค้างคืนที่ตำบลนาเกลือ จากตำบลนาเกลือนี้ คณะสุนทรภู่หลงทางเดินวนเวียนไปมาแล้วมาออกที่จอมเทียนได้เข้าไปพักอาศัยกับขุนราม สุนทรภู่ได้เขียนกลอนไว้คำนึงซึ่งบอกความรู้สึกตนเองว่า


                -เหมือนไร้คู่อยู่ข้างกำแพงวัง
จะเกี้ยวมั่งจะเฆี่ยนเอาเจียนตาย


                ไปถึงหนองชะแง้ว บางไผ่ ห้วยอีร้า ห้วยพระยุนที่นี่ได้พบแรดก็พากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง



ข้อมูลอ้างอิง 
-หนังสือประวัติชีวิตและผลงาน สุนทรภู่
-หนังสือวรรณคดี สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
-หนังสือสุนทรียภาพ กวีนิพนธ์ ของสุนทรภู่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นิราศเมืองแกลง

              นิราศเมืองแกลง                    นิราศเมืองแกลง สุนทรภู่แต่งเมื่อครั้งเดินทางไปเยี่ยมบิดาที่บ้านกร่ำ เมืองแกลง จั...